ทางสู่สวรรค์

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

ที่จาการ์ต้า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 1997 เครื่องบิน737ไฟต์ MI 185 เป็นเที่ยวบินวันหยุดเพื่อจะไปสิงค์โปร์มีผู้โดยสาร 104 คน ทั้งผู้ชาย หญิงและเด็ก

ได้บินพุ่งชนตกลงพังพินาศเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยใกล้ ๆ พาเลมแบงค์ กับซันกิ มูซิ

ผู้โดยสารและลูกเรือพร้อมกัปตันตายหมด

            โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่ทำให้เกิดการตายอย่างคาดไม่ถึง เช่น

แผ่นดินไหว ลมพายุไซโคลน อุบัติเหตุและสงครามที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งไม่มีใครสามารถยับยั้งพลังแห่งความตายนั้นได้ และผู้คนอีกมากมายต้องตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่มีทางรักษา แม้กระนั้นเราทุกคนก็ยังพยายามเตรียมตัวอย่างเต็มที่ในเรื่องของความตาย แต่ความตายก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา

            บางคนพยายามที่จะทำชีวิตให้ยืนนาน โดยการเลิกสูบบุหรี่ ออกกำลังกายให้มากขึ้น

ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และวิตามินเป็นอาหารเสิรม แต่ทว่าเราก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่า แม้เราจะพยายามมากเพียงไรก็ตาม สักวันหนึ่งเราก็ต้องตาย

 

 

1

            เราอาจไม่เคยคิดถึงเรื่องความตายแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ต้องพบกับปัญหาใดๆ มีอาหารดีๆรับประทาน มีอนาคตทางการเงินที่มั่นคง ไม่มีปัญหาครอบครัวต้องกังวลและประสบความสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม ความตายก็คงเป็นเรื่องที่ไกลจากความคิด แต่ความตายไม่ได้เกิดขึ้นกับคนชรา หรือคนยากจนเท่านั้น คนฉลาด หรือคนหนุ่มสาว ก็สามารถตายได้โดยไม่ต้องมีการบอกหรือเตือนล่วงหน้า ความตายทำให้เราทุกคนเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ชนชั้นสูงจนถึงชนชั้นล่าง

 

 

 

            อัลเลาะฮ์ร์(ซ.บ) มีสิทธิอำนาจที่จะตัดสินให้เราเข้าสู่สวรรค์หรือลงนรกก็ได้

โดยพระนามของ อัลเลาะฮ์(ผู้ทรงเมตตาและกรุณาที่สุด) ท่านได้เตือนพวกเราให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับความตายและวันกิยามะห์ที่ กำลังจะมาถึง มนุษย์ทุกคนได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องตายครั้งหนึ่งและเข้าสู่วันแห่งการพิพากษา ในวันกิยามะห์นั้นเราต้องชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้กระทำลงไปเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ต่อหน้า อัลเลาะฮ์ ผู้ซึ่งมีชื่อว่า อัลฮักก์

            เพราะฉะนั้นอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) จึงทรงเตือนพวกเราให้มีความพร้อมตลอดเวลาผู้ใดที่เตรียมพร้อมในวันนั้น เขาก็จะเดินทางผ่านสะพานซีรอตุ้ลมุสตะกีน อย่างสันติสุข

โดยอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) จะทรงดูแลคุ้มครอง เราจะเตรียมพร้อมได้อย่างไร? ให้เราพิจารณาถึงสิ่งที่ กิบัท กับ ซันนาท ได้กล่าวไว้

 

2

โลกใบนี้คือโลกชั่วคราว

อะไรคือความหมายของชีวิต

 

            โลกใบนี้คือโลกชั่วคราว ชีวิตและ ความมั่งมีของโลกเป็นเหมือนหมอกควันเล็ก ๆ ที่ต้องสลายไป แต่ชีวิตของเราดีและยาวนานกว่าในโลกนี้ โดยอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ผู้ดำรงชั่วนิรันดร์เป็นผู้ประทาน

 

            ผู้คนมากมายมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เพียงเพื่อความสุขอย่างเดียวเท่านั้น แต่ละวันเราก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องราวของโลก มุ่งหาเงินตรา ทำงานอย่างหัวปักหัวปำ และสนุกสนานอยู่กับสิ่งที่ดึงดูดใจแล้วก็ค่อยๆตายจากโลกนี้ไป เราพบว่าสิ่งเหล่านี้ได้สั่นคลอนและทำให้ชีวิตของเราไร้ความหมาย มารร้ายเป็นผู้ที่พยายามจะทำให้เรามีชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์ บนความสุขจอมปลอมนี้ มันจะคอยกระซิบอยู่ข้างๆหูเราให้เรากระทำบาปแล้วในที่สุดเราก็จะตกอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์

 

            มันเป็นความจริงที่เราจะพบกับความทุกข์ยากในโลกนี้มากกว่าความสุข จึงทำให้เราลืมไปว่าในที่สุดแล้วเราต้องกลับคืนสู่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเศร้าหมองและสูญเสียความหมายของชีวิตไป

 

3

 

            แต่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) เป็นผู้ชี้แนะเราให้เห็นทางแห่งความสุขที่แท้จริง และเราควรที่จะกระทำตามการชี้นำนั้น แล้วเราจะพบว่าเราสามารถที่จะควบคุมตัวเราได้ เมื่อเราเดินอยู่ใน ทางแห่งความเที่ยงธรรมนี้ เราจะได้รับการชำระล้างจากพระองค์ ให้ปราศจากความบาปทั้งสิ้นแล้วทำให้เข้าสู่สวรรค์ของพระองค์ได้

 

ในวันอาคิเราะห์ (โลกหน้า)จิตวิญญาณของเราจะพบกับปลายทาง 2 แห่งคือสวรรค์หรือนรก เราจะต้องได้รับการพิพากษาในวันสุดท้าย (ในวันพิพากษาโลก) เพื่อที่จะเข้าไปยังสถานที่ที่จัดไว้ โดยเราไม่สามารถจะเลือกหรือเปลี่ยนที่ได้อีก เพราะที่นั่นเราจะต้องอยู่ตลอดไป

 

            หลังจากเราตายไปแล้วเราไม่สามารถจะบอกใครได้อีก แต่วันนี้เรามีโอกาสที่จะเลือกที่อยู่อันถาวรอันเป็นปลายทางในอนาคตได้

คุณเลือกที่แห่งใดเป็นที่อยู่อันถาวรนิรันดร์ของคุณ?

 

สวรรค์

            สวรรค์เป็นที่พักสงบอันสวยงาม และเป็นสถานที่ดีที่สุดที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ สวรรค์เป็นสถานที่ที่มหัศจรรย์มาก ล้อมรอบไปด้วยความร่มเย็น และ เต็มไปด้วยความสันติสุข และความเคารพซึ่งกันและกัน

            ความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ไม่สามารถที่จะหยั่งรู้และอธิบายถึงความสวยงามของสวรรค์ได้ ในกรุอ่านได้เปิดเผยแก่เราว่า ผู้ที่เชื่อจะได้รับความรอดจากอัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

 

4

 

ให้ได้รับการปลดปล่อยจากความบาปและความทุกข์ระทม ให้เราสรรเสริญ ต่ออัลเลาะฮ์ ผู้

ทรงฤทธิ์ ที่จะเปลี่ยนความเศร้าโศกและการคร่ำครวญ ให้กลายเป็นความยินดี ตลอดไปและนิจนิรันดร์

 

ทำอย่างไร ที่มนุษย์ผู้ไม่บริสุทธิ์ ทั้งชายและหญิง จะมีความชื่นชมยินดีและความสุข ? อัลเลาะฮ์ องค์เดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เราเข้าสู่ที่อันสวยงามอย่างสวรรค์ได้อย่างบริสุทธิ์ โดยทางอัลเลาะฮ์ (swt) ในอัลกุรอ่าน อัลเลาะฮ์จะเป็นผู้ปลดปล่อยเราโดยทาง อีซา บุตรของ มัรยัม ผู้ซึ่งเป็นของประทานอันบริสุทธิ์ สำหรับมนุษยชาติ

ได้เปิดเผยว่า อัลเลาะฮ์ ได้ส่งอีซา ลูกของมัรยัม ให้มาประกาศศาสนาแก่ มนุษย์ชาติ

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

"เขา (มลัก) กล่าวว่า : ฉันเพียงแต่เป็นทูตของพระผู้อภิบาลของฉันคือ

ฉันจะให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ"

                                                                        (บทที่ 19 มัรยัม 19, 21)

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทาน อีซา(A.S) ผู้ทรงเป็นพระสัญญาอันล้ำค่าแก่โลกและสวรรค์

 

"เมื่อมาลาอีกะห์ กล่าวว่า : มัรยัมเอ่ย ! ท้จริงอัลเลาะฮ์ได้ทรงแจ้ง ข่าวดีแก่เธอซึ่งวัจนะหนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาคือ มะสี๊ - อีซา ลูกของ มัรยัม ้ควรแก่การคารวะทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า (เช่นบรรดานบี) และ อยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด (อัลเลาะฮ์)                                                           

(บทที่ 3 อาลี-อิมรอน อายะห์ที่ 45

5

นรก

 

นรกเป็นที่ที่น่ากลัวที่สุดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ใครก็ตามที่อยู่ที่นั่นจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เพราะไม่ว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ พรม และเตียงก็จะเป็นดั่งไฟ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือชั้นต่ำทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้นต้องถูกล้อมรอบด้วยไฟ สถานที่นี้ทั้งหมดล้อมรอบด้วยไฟ ควันดำ ความมืด สายตาจะบอด หูก็จะไม่ได้ยินเพราะว่าไม่สามารถพูดได้ (เป็นใบ้) สถานที่นี้จะมีแต่เสียงคร่ำครวญ และความโศกเศร้า ที่นี่ เป็นสถานที่ที่ไม่ตาย ความทุกข์ทรมานจะไม่มีวันสิ้นสุด จิตวิญญาณที่ตกอยู่ณที่นั้นจะปราศจากความหวังและไม่ได้รับการบรรเทา เหมือนกับคนที่ได้รับความตาย ซึ่งจะเจ็บปวดชั่วนิรันดร์

 

ตั้งแต่มนุษย์คนแรกนบีอาดัม เป็นต้นมานั้น มนุษย์ก็ตกอยู่ในการทดลองโดยเหล่ามาร พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนบาป และถูกตัดสินลงโทษ ให้ได้รับความเจ็บปวดในนรก

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


                                                                       

และไม่มีผู้ใดในหมู่สูเจ้า (จะรอดได้) นอกจากเป็นผู้ผ่านเข้าไปในนรก เป็น

พระกำหนดที่ได้ถูกตรึงตราไว้แล้ว ณ พระผู้อภิบาลของเจ้า

                                                                                   

(บทที่ 19 มัรยัม อายะห์ที่ 71)

 

 

 

6

                                               

 

 

ศิรอตุลมุสตะกีน

(ทาง สู่ สวรรค์)

 

            เราทั้งหลายรู้ว่า ผู้ที่เชื่อในอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ได้รับการเปิดเผยให้เห็นถึงหนทางสู่สวรรค์ ผู้เชื่อที่หมั่นทำละหมาด และกระทำการบริจาค ก่อนวันสุดท้าย เขาจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินสวรรค์                                                                                                             (บทที่ 4 An-Nisaa)

                       

แต่เราจะรู้อย่างชัดเจนได้อย่างไรว่านั่น คือ หนทางที่อัลเลาะฮ์ (SWT) ได้เปิดเผยแก่เรา ?ถ้าปราศจากการเปิดเผยของอัลเลาะฮ์ แล้วเราจะเห็นทางที่เที่ยงตรงนั้นอย่างไร ได้?เราจะรู้ได้ก็โดยเป็นผู้เชื่อในพระองค์

จะมีเครื่องมือชนิดใดที่สามารถบอกเราได้ว่าเราจะสารมารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ? เราจะต้องมีความเชื่อศรัทธาและปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ทางศาสนามากเพียงใดก่อนจึงจะสามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ? เราจะดำรงละหมาด ขอดุอาแค่ไหนและบริจาคถึงขนาดไหนจึงจะเพียงพอที่จะนำเราไปสู่สรวงสวรรค์ ?เราจะต้องมีความรัก ความขยัน ความอดทน และบริจาคซะกาตเท่าใดถึงจะได้เข้าสู่สวรรค์ ?และความรู้เกี่ยวกับศาสนาของเรา ก็ไม่สมารถตอบปัญหาเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

 

7

            ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ , ผู้คนจำนวนมากต้องประสพกับความเจ็บปวด, สงสัยและลังเล,

ตลอดเวลาที่ผ่านมา อัลเลาะฮ์ (SWT) ก็ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) จงทรงช่วยเราให้เราดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องและการถ่อมตนเมื่อเราอ้อนวอนดุอา

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


โปรดนำเราสู่ทางเที่ยง ตรง บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิจเราะหฮีม

 

(บทที่ 1 อัล-ฟาติหะฮ์ อายะฮ์ที่ 6)

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


           

บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ! จงสำรวมตนต่ออัลเลาะฮ์และแสวงหาทางเข้าใกล้

พระองค์และดิ้นรนต่อสู้ในทางของพระองค์ เพื่อสูเจ้าจะได้รับผลสำเร็จ

(บทที่ 5 ลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ 35)

 

ใครคือผู้สนิท ? ในเชิงอรรถคำว่า ฮาดิสย์ ชานิ บูคาริ นี้เป็นได้ทั้ง ฑูตสวรรค์และนบี แต่ ฑูตสวรรค์นั้นไม่ได้มีการบันทึกรายละเอียดว่าเป็นสิ่งสูงสุด ดังนั้นนบีมุฮัดมัด ผู้สนิท จึงไม่ใช่ฑูตสวรรค์แต่เป็นนบี

 

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นทางเดินที่ถูกต้อง?

8

 

ผู้ทรงเมตตาปราณีเสมอ

 

(บทที่ อัล-ฟาติหะฮ์ อายะฮ์ที่ 3)

 

            เพราะว่าพระเจ้าคือผู้ทรงเมตตาปราณีเสมอพระองค์ทรงเตือนสติและ

ให้อัลกุรอ่านเป็นบทนำทางสู่ทางเที่ยงตรงและทางสู่สวรรค์. เราจึงจะเรียนรู้อัล

กุรอ่านและอัลฮะดิษ เพื่อขอพรต่อพระเจ้า

 

 

หนทางในอัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ

คือสิ่งที่จะนำสู่เส้นทางสู่สวรรค์

                                                                                   

1.สมิลลาฮิรเราะห์มานิรเราะห์ฮีม

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

 

            และแท้จริงแน่นอนคือความรู้แห่งยามอวสาน (ที่แจ้งถึงการสิ้นสุดแห่ง

การเป็นนบีของวงศ์วานอิสรออีล เมื่อถึงตำแหน่งและหน้าที่ของนบีอีซา (อ.อ)

ดังนั้นจงอย่างโต้เถียงในเรื่องนั้นแต่จงปฎิบัติตามฉันนี่คือทางอันเที่ยงตรง       

                                                                        (บทที่ 43อัลซุครุฟ 61)

 

 

9

2.เมื่ออีซาได้มาพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง เขากล่าวว่า

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

แน่นอนฉันได้มายังพวกท่าน พร้อมด้วยวิทยปัญญา และเพื่อที่ฉันจะได้ทำให้

กระจ่างแก่สูเจ้าส่วนหนึ่งในเรื่องที่สูเจ้าขัดแย้งนั้น ดังนั้นจงสำรวมตน

ต่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ) และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉัน

                                                                                    (บทที่ 43 อัซซุครุฟ 63)

 

3. เขาผู้นั้นคือนบีอีซา บุตรของมัรยัม เป็นสัจจะวาจา :

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

เขาผู้นั้นคือนบีอีซา บุตรมัรยัม เป็นสัจจะวาจาซึ่งพวกเขาพากันสงสัยในเรื่องของเขา

                                                                        (บทที่19 มัรยัม อายะที่ 34)

 

ข้าพเจ้าเข้าใก้ลนบีอีซาบุตรของมัรยัมบุตรมนุษย์และสวรรค์ นบีทั้งหมดเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันแม้จะถือกำเนิดต่างมารดา กันแต่นบีทั้งหลายก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

 

10

 

4. โอ้ชาวคำภีร์ พวกเจ้าอย่าล่วงละเมิดใน(บทบัญญัติ)ศาสนาแห่งพวกเจ้า

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

อันที่จริง อัลมะซีฮ อีซา บุตรของมัรยัม เป็นศาสนฑูตของอัลเลาะฮ์ และเป็นถ้อยคำของพระองค์

                                                                                    (บทที่ 4 อัน - มิสาอ์ 171)

 

 

5. นบีอีซา (อ.ฮ) ทรงเป็นจิตวิญญาณของอัลเลาะฮ์

 

                                                (จากฮาดิส อันนาสบินมาลิค หน้า 72)

 

 

6. อีซา เป็น อิหม่าม มาหะดีห์ แต่เพียงองค์เดียว

(ฮาดิส อิบนู มาจา)

อีซาบุตรมัรยัม ผู้ถือกำเนิดมาในโลกนี้และโลกหน้า และเป็นผู้ที่ติดสนิทกับองค์อัลเลาะฮ์

(Qs.3 Asli Imraan)

ขอพระเจ้าทรงโปรดพิทักษ์วิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ เป็นความจริงหรือที่นบีอีซาได้ถือกำเนิดมาในชีวิตของคุณ พระองค์จะทรงเป็นผู้พิพากษาอันยุติธรรม

(Hadiths Shahih Muslim 127)

ไม่มีอิหม่าม มาหะดีห์ นอกจากนบีอีซาบุตรของมารีย์

(Hadiths Ibnu Majah)

…………………………………………………………

(Anas bin Malik hal 72 Qs 4 An Nissa 171)

ดังนั้นไม่มีผู้สนิทใด นอกจากอีซา (อ.ฮ) บุตรของมัรยัม

 

ผู้สนิทนั้นถูกส่งมาโดยอัลเลาะฮ์

                                  11

7. นบีอีซา (อ.ฮ) ไม่ได้เกิดมาจากผู้ชายคนใด

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


            และ(จงระลึกถึง) หญิงหนึ่งที่รักษาพรหมจรรย์ของนางไว้(ไม่ยอมให้มีราคีคาว)แล้วเราได้เป่าลงไปในนางจากชีวิต ของเรา (วิญญาณจิตของเรา)และเราได้บันดาลนางและบุตรของนางให้เป็นสัญลักษณ์ หนึ่งสำหรับชาวโลกทั้งมวล

(บทที่ 21 อัส-อัมบิยะห์ อายะห์ที่ 91)

 

8. อีซา มีศานติเมื่อท่านคลอด และวันที่ท่านตายและวันที่ท่านจะถูกฟื้นให้มีชีวิตขึ้น

                                   

(บทที่ 19 มัรยัม อายะห์ที่ 33)

…..และจงเชื่อฟังเรา นี่เป็นทางที่เที่ยงตรง

 

 

 

12

9.ตามน้ำพระทัยของอัลเลาะห์ อีซาได้ตายอย่างถวายเกียรติและผู้ที่ติดตามท่านจะได้อยู่เหนือบรรดาผู้ที่ไม่เลื่อมใสศาสนา

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

เมื่อครั้งที่อัลเลาะฮ์ได้ตรัสว่า “โอ้อีซา! แท้จริงข้าเป็นผู้เก็บตัวของเจ้าไว้อย่างสมบูรณ์(ทั้งร่างกายและวิญญาณ) และข้าเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นมายังข้า(ให้สถิตอยู่ในฟ้าชั้นที่สอง) และข้าเป็นผู้ทำให้เจ้าสะอาด(พ้นภัยแห่งการฆ่า) จากบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย และเป็นผู้บันดาลให้บรรดาผู้เจริญรอยตามเจ้า(มีเกียรติ) เหนือกว่าบรรดาผู้เนรคุณตราบถึงวันชาติหน้า หลังจากนั้นที่กลับคืนของพวกเจ้าก็คือมายังข้า และข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้าในกรณีที่พวกเจ้าเคยพิพาทกัน

(บทที่ 3 อาลี-อิมรอน อายะห์ที่ 55)

 

10. อีซา ทรงรักษาคนตาบอดและคนง่อย

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


และ (ทรงตั่งใจให้เป็น) รอซูลแก่วงวารของอิสรออีล (เขาจะกล่าวว่า) แท้จริง ฉันได้มายังพวกท่านด้วยสัญญานหนึ่งจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านและฉันเป่าเข้าไป ในมันแล้วมันกลายเป็นนก โดยอนุมัติของอัลเลาะฮ์และฉันรักษาคนตาบอดและคนโรค เรื้อนและ

ให้มีชีวิตแก่คนตาย โดยอนุมัติของอัลเลาะฮ์และฉันแจ้ง

แก่พวกท่านถึงสิ่งที่พวก ท่านกินและ (รู้ถึง) สิ่งที่พวกท่านสะสมในบ้านของพวกท่านแท้จริงในนั้นมีสัญญาณ

(การเป็นนบี) สำหรับสูเจ้าถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธา

                                                            (บทที่ 3 อาลี - อิมรอน อายะห์ที่ 49)

13

11.

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

เมื่ออัลเลาะฮ์ตรัสว่าอีซา-ลูกของมัรยัมเอ๋ย ! จงรำลึกถึงความโปรดปราณของ

ฉันแก่เจ้าและแก่แม่ของเจ้า เมื่อฉันได้เสริมกำลังเจ้าด้วยรูห์อันบริสุทธิ์ เจ้าพูดแก่ผู้คน

ในเปลและในวัยกลางคน และเมื่อฉันได้สอนเจ้าซึ่งคัมภีร์และวิทยปัญยา

และเตารอดและอินญีล , และเมื่อเจ้าจำลองจากดินดั่งรูปนกโดยอนุมัติของฉัน แล้วเจ้า

เป่าเข้าไปในมัน แล้วมันกลายเป็นนกโดยอนุมัติของฉันแล้วเจ้ารักษาคนตาบอดและคน

โรคเรื้อน โดยอนุมัติของฉัน เมื่อเจ้าให้คนตาย ออกมา โดยอนุมัติของฉัน และเมื่อ

ฉันได้ยั้งวงศ์วานของอิสรออีลไว้จากเจ้า เมื่อเจ้าไปหาพวกเขา ด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งพวกที่ปฏิเสธในหมู่พวกเขากล่าวว่า นี่มิใช่อื่นใดเว้นแต่เป็นมายากลแท้ ๆ

                                                (บทที่ 5 ลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ 110)

14

           

12. นบีอีซา (อ.ฮ) มีความมหัศจรรย์ และจิตใจที่ดี

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

            รอซู้ลเหล่านี้ เราได้ยกย่องบางคนของพวกเขาเด่นกว่าอีกบางคนจากในหมู่พวก

เขามี ผู้ที่อัลเลาะฮ์ได้ตรัส และได้ทรงยกย่องบางคนของพวกเขาหลายชั้น และเราได้ ประทานแก่อีซาลูกของมัรยัม ซึ่งหลักฐานต่าง ๆ และเราได้เสริมกำลังเขาด้วยรูห์บริสุทธิ์

และมาตรอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์บรรดา (ประชาชน) หลังจากพวกเขา (คือรอซู้ล) คงจะ

ไม่ได้ต่อสู้กันและกันหลังจากที่ได้รับมายังพวกเขาแล้ว ซึ่งหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งแต่ พวกเขาขัดแย้ง ดังนั้น จากในหมู่พวกเขาบางคนศรัทธาและจากในหมู่พวกเขาปฏิเสธ

และถ้าอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ได้ต่อสู้กันและกัน แต่อัลเลาะฮ์ทรงกระทำที่

พระองค์ทรงปราถนา

                                                (บทที่ 2 อัล-บาเกาะเราะห์ อายะห์ที่ 253)

 

13. โดยอัลเลาะห์ เขาจึงได้ปฎิเสธทางแห่งความเที่ยงตรงนี้

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

และเพราะความเนรคุณของพวกเขา และเพราะพวกเขาได้พูดเท็จอันยิ่งใหญ่แก่มัรยัม

                                                                        (บทที่ 4 อัน-มิลาฮ์ อายะห์ที่ 156)                                 

15

14. ทุกคนมีความศรัทธาในนบีอีซา (อ.ฮ)

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


แท้จริงไม่มีพวกชาวคำภีร์สักคน นอกจากทุกคนมีความศรัทธากับเขาก่อนที่ผู้นั้นจะตายและในวันชาติหน้าเขา จะเป็นสักขีพยานแก่พวกเหล่านั้น

                                                                        (บทที่ 4 อัน-นิสาห์ อายะฮ์ที่ 159)

 

 

15. จงกล่าวเถิด (มุฮัดมัด) อะฮ์ลุกก้ตามเอ๋ย ! พวกท่านมิได้อยู่บนสิ่ง

ใดจนกว่าพวกท่านดำรง เตารอด-อินญีล

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

และที่ได้ถูกประทานลงมาแก่พวกท่าน

จากผู้อภิบาลของท่านและแน่นอนที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของ เจ้านั้นจะเพิ่มพูน ส่วนมากของพวกเขาซึ่งการดื้อด้าน และการปฏิเสธ ดังนั้น จง อย่าเศร้าสลดเพื่อประชาชนผู้ปฏิเสธ

 

 

16

16. มีคำหนึ่งในอัลกุรอ่านที่อัลเลาะฮ์เปิดเผยนบีอีซา (อ.ฮ)

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


และแท้จริงมันอยู่ใน (จารึกแห่ง) ตันฉบับของคัมภีร์ ณ ที่เราซึ่งสูงส่ง

และพร้อมด้วยวิทยปัญญาปัญญา

                                                                        (บทที่ 43 อัซ-ซุครุฟ อายะห์ที่ 4)

 

17. นบีอีซา (อ.ฮ) ทรงมีอำนาจและบารมีทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

            เมื่อมาลาอีกะฮ์ กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลเลาะฮ์ได้ทรงได้โปรดแจ้ง

ข่าวดีแก่เธอซึ่งวจนะหนึ่งจากพระองค์ชื่อของเขาคือ อีซา (อ.ฮ) ลูกของมัรยัม ผู้

ควรแก่การคารวะทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด

(บทที่ 3 อาลิ-อิมรอน อายะฮ์ที่ 45)

 

 

 

17

           

 

 

อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ทรงให้นบีอีซา (อ.ฮ) มีอำนาจและอธิปไตยเหนือทั้งโลกนี้และ

โลกหน้า ท่านนบีอีซา (อ.ฮ) คือทางที่เที่ยงตรง ในอัลกุรอ่านได้บอกแก่เราว่าบรรดาสาวกของอีซาจะอยู่เหนือผู้ที่ไม่ได้เลื่อมใสศรัทธา อีซามีความสำคัญสำหรับอัลเลาะฮ์ เพราะชื่อของอีซาปรากฏอยู่ในอัลกุรอานถึง 97 ครั้ง

 

            ได้มีการเปรียบเทียบให้รู้ว่าสวรรค์นั้นเป็นสถานที่ที่โอ่อ่าสวยงามขนาดไหน เมื่อ

พระองค์ทรงเรียกให้เข้าไป ณ สถานที่นั้น ท่านจงเชื่อถือได้ เพราะว่าพระองค์มีอำนาจสูงสุด

 

 

            แม้ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีความเชื่อมั่นในสวรรค์ ถ้าท่านได้ถูกเรียกโดยที่

ท่านก็ยังไม่แน่ใจ หลังจากที่ให้เวลาผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ชื่อของท่านก็จะถูกถอด

ออกจากบันทึกที่จะเข้าไปในสวรรค์

 

 

            ในความเมตตาปราณีสูงสุดของพระองค์ พระองค์ได้กำหนดให้นบีอีซา (อ.ฮ) ผู้

มีจิตใจโอบอ้อมอารีแลมีอำนาจเหนือมนุษย์ทั่วไปนำเราขึ้นสวรรค์ ความกริยาที่ใกล้ชิด

จากนบีอีซา (อ.ฮ) และถูกเชิญด้วยความสนิทสนมจากอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) เพราะนบีอีซา

(อ.ฮ) เกิดมาในโลกนี้เพราะอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) เราต้องสืบทอดต่อคำสั่งของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

ให้มีจิตใจงามและปฏิบัติภารกิจที่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ทรงใช้ให้ทำ ผู้ใดที่เข้าใจและปฏิบัตินำไปสืบทอดเป็นผลสำเร็จและใช้ชีวิตในทางที่เที่ยงตรงแห่งอัลเลาะฮ์ ก็จะมั่นใจว่าได้เข้าสู่สวรรค์

18

            ต่อมาอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ได้ลงวาฮีในอัลกุรอ่านให้นบีอีซาคือ รอซู้ลคนหนึ่งในโลกนี้และในโลกหน้า ถ้าเราจะศึกษาและเข้าใจจะรู้ว่าสิ่งที่เราจะได้รับตอบแทนในโลกหน้า

ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ได้รับวาฮีในอัลกุรอ่านและอัลฮาดิส เรื่องหลังความตาย

 

ท่านรอซู้ลลุ้ลลอฮ์

 

            ท่านนบีมูฮำหมัดได้ละหมาดก่อนที่ท่านจะตาย

           

            "โอ ! ยาอัลเลาะฮ์ โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าเมตตาข้าพเจ้าและทรงโปรดปราน

ข้าพเจ้าสู่สรวงสวรรค์เทอญ"

                                                                                    (ฮาดิษ ซาฮิบ บุคอรี 1573)

            ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ได้ยกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า

 

            "ยารอซูลุ้ลลอฮ์"

 

            แล้วท่านก็ลดมือลงแล้วท่านก็จากไป

 

                                                                                    (ฮาดิษ ซาฮิบ บุคอรี 1574)

ใครคือ "ท่านรอซุลุ้ลลอฮ์ ? "

            หมายเหตุที่สอดคล้องของฮาดิษ ซาอิม บุคอรี นี้ซึ่งอาจเป็นศาสดา และทูตจาก

สวรรค์ก็ไม่ได้ อธิบายโดยชัดถึง "โลกหน้า" ดังนั้น ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ไม่ใช่เป็น

แต่ทูตแห่งสวรรค์แต่เป็นศาสดาผู้สนิทองค์หนึ่ง

 

19

จำนวนศาสดาสมควรที่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) จะยกให้เป็นรอซู้ล ?

"อาดัม ซาฟิรุ้ลเลาะห์"   = นบีอาดัม (อ.ฮ) ผู้ซึ่งมีบารมีโดยเพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

"นูห์ นาจิยัลเลาะห์"                      = นบีนูห์ (อ.ฮ) ผู้ซึ่งให้รอดชีวิตเพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

"อิบรอฮีม กาลิลัลเลาะห์" = นบีอิบรอฮีม (อ.ฮ) ผู้ซึ่งเป็นที่รักเพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

"อิสมาอีล ดีซามิฮุลเลาะห์" = นบีอิสมาอีล (อ.ฮ) ผู้ซึ่งเสียสละเพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

"มูซา กาลิมุลเลาะห์"          = นบีมูซา (อ.ฮ) ผู้ซึ่งเป็นให้เพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

"ดาวุด กาลิมุลเลาะห์"       = นบีดาวุด (อ.ฮ) ผู้ซึ่งเป็นผู้ใช้เพื่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

 

 

            เรามีนบีอีซา (อ.ฮ) ซึ่งเป็นลูกของพระนางมัรยัมใกล้ชิดเราทั้งในโลกนี้

และในโลกหน้า ศาสดาทั้งหลายมีความเกี่ยวพันธ์ เพราะเป็นสายเลือดเดียวกัน

เราเกิดมาจากหลายแม่ที่แตกต่างกัน แต่เรามีศาสนาหนึ่งเดียวคือ อิสลาม

 

                                                                        (ฮาดิษ ซาฮีฮ บุคอรี 1501)

 

20

                                                                        บิสมิลลาฮิรเราห์มานิรเราะห์ฮีม

และเขาจะพูกแก่ผู้คน (ในปัญหาต่างๆ ) ในเปล และ (ใน) วัยกลางคน และ (เขา) อยู่ในหมู่กัลยาณชน

 

                                                                        (บทที่ 3 อาลี-อิมรอน อายะห์ที่ 45)

 

บิสมิลลาฮิเราะฮ์มานิรเราะห์ฮีม ขอสาบานต่อพระเจ้า แท้จริงแล้วท่านนบีอีซา (อ.ฮ) ซึ่งเป็นบุตรของ นางมัรยัมได้ลงมาระหว่างความเที่ยงธรรมของพระองค์

                                                                        (ฮาดิษ ซาฮิด มุสลิม 127)

 

                                                                        บิสมิลลาฮิเราะฮ์มานริเราะห์ฮีม

ดังนั้น นบีอีซาลูกของนางมัรยัมไม่ใช่อีหม่ามมะฮ์ดี

(ฮาดิษ อับนู มาจาร์)

บิสมิลลาฮิเราะฮ์มานริเราะห์ฮีม แท้จริงนบีอีซาลูกของมัรยัมเป็นเพียงรอซู้ลคนหนึ่งของอัลเลาะฮ์ จง

ศรัทธาในอัลเลาะฮ์และบรรดารอซู้ลของพระองค์

                        (อันนาสบินมาลิกฮาละ 72 บทที่ 4 อัน-นิซา อายะฮ์ที่171)

            ทุกสิ่งทุกอย่างที่รอซู้ลได้กล่าวก็มาจากอัลเลาะฮ์ตาอาลาทั้งสิ้น

21

                                                                                    บิสมิลลาฮิรเราะห์มานริเราะห์ฮีม

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


และเมื่ออีซาได้มาพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง เขากล่าวว่า

แน่นอน ฉันได้มายังพวกท่าน พร้อมด้วยวิทยปัญญา และเพื่อที่ฉันจะได้ทำให้สูเจ้า

กระจ่างส่วนหนึ่งในเรื่องที่สูเจ้าขัดแย้ง นั้น จงสำรวมตน

ต่ออัลเลาะฮ์และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉัน

แท้จริงอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) นั้น พระองค์คือผู้อภิบาลของฉัน และพระผู้อภิบาล

ของท่าน ดังนั้น จงเคารพภักดีพระองค์ นี่คือทางอันเที่ยงตรง

                                                                        (บทที่ 43 อัซ-ซุครุฟ อายะฮ์ ที่ 63,64)

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา


 

และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้กล่าวว่าเราฟังแต่พวกเขาหาฟังไม่ แท้จริง

สัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในทัศนะของอัลเลาะฮ์คือ (มนุษย์) ที่ (มีสภาพเหมือน) หูหนวก เป็นใบ้คือบรรดาผู้ไม่ใช้สติปัญญา

                                                                        (บทที่ 8 อัลฟาล อายะฮ์ ที่ 21.22)

 

22

            ท่านรอซุ้ลได้ให้อะไรแก่เราทุกวันนี้บ้าง ?(ผู้สนิทได้ให้อะไรแก่เราในวันนี้?)

 

1. รอซู้ลเหล่านี้ ได้ยกย่องบางคนของพวกเขาเด่นกว่าอีกบางคนจากใน

หมู่พวกเขามี ผู้ที่อัลเลาะฮ์ได้ยกย่องบางคนของพวกเขาหลายชั้น และเราได้

ประทานแก่อีซาลูกของมัรยัม ซึ่งหลักฐานต่าง ๆ และเราได้เสริมกำลังเขาด้วย รูห์บริสุทธิ์ และมาตรอัลเลาะฮ์ ทรงประสงค์บรรดา (ประชาชน) หลังจากพวกเขา คงจะไม่ได้ต่อสู้กันและกัน                            บิสมิลลาฮิรเราะฮ์มานิรเราะฮ์ฮีม

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

            หลังจากที่ได้มายังพวกเขาแล้วซึ่งหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้ง แต่พวกเขา ขัดแย้ง ดังนั้น จากในหมู่พวกเขาบางคนศรัทธา และจากในหมู่พวกเขาบางคน ปฏิเสธ และถ้าอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ได้ต่อสู้กันและกัน แต่อัลเลาะฮ์ทรงกระ ทำที่พระองค์ทรงปรารถนา

            ไม่มีการบังคับ (ผู้ใดให้จำใจนับถือ) ในศาสนาอิสลามแน่นอนการถูกได้ เป็นที่ชัดแจ้งจากการทำผิดแล้ว ดังนั้น ผู้ใดปฏิเสธมาร และเขาศรัทธา ต่ออัลเลาะฮ์ ฉะนั้น โดยแน่นอนเขาได้จับยึดห่วงอันมั่นคงซึ่งไม่มีการขาดแก่มัน

และอัลเลาะฮ์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้

(บทที่ 2 อัล-มะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 253,256)

24

บางที่เราต้องปฎิบัติตามขนบธรรมเนียมของศาสนา ซึ่งเป็นของมนุษย์มากกว่าทางอันมหัศจรรย์ของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) จึงทำให้เราพลาดจากความเข้าใจของ นบีมุฮัดมัด (ซ.ล) เราทั้งหลายต้องการclear miracle อัลเลาะฮ์ ที่ได้ให้ไว้แก่เราผ่านทางผู้สนิท ให้เราปฎิเสธทางอื่นๆ ที่ไม่มีบอกไว้ในคัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ)

สัญลักษณ์ที่ชัดเจนนั้นได้เปิดเผยให้เราเห็นถึงการหลอกลวงที่น่าดึงดูดใจของมารร้าย ท่านทั้งหลายได้เผยทางแห่งความจริงของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) พระคำของนบีอีซา (อ.ฮ)ทำให้เห็นความเจ้าเล่ห์และความว่างเปล่าของขนบธรรมเนียมของมนุษย์

 

ผู้ใดก็ตามที่ได้ปฎิเสธทางอื่นๆแล้วนั้นก็เท่ากับว่าได้เชื่อในสัญลักษณ์ ของนบีอีซา(อ.ฮ)เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ได้ติดตามการชี้นำอันล้ำเลิศของอัลเลาะฮ์(ซ.บ) เขาเป็นผู้ที่ได้จัดเตรียมการตายและวันสุดท้ายแล้ว เขาจะได้รับความมั่นใจในการเข้าสู่สวรรค์ เพราะเขาได้รับการคุ้มครองในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของผู้สนิท เขาเป็นอิสระจากการฟ้องผิด เขาไม่ต้องพึ่งพาการชี้นำของมนุษย์ หรือขึ้นอยู่กับความจำกัดของความดีแห่งการกระทำของตนเอง

 

โอ้ ! มุมินทั้งหลายจงอย่าโต้แย้งหรือมองข้ามคำตักเตือนของนบีอีซา

(อ.ฮ) ซึ่งมาจากอัลเลาะฮ์ (ซ.บ) เราจงเชื่อฟัง และมองไปทางซีรอตุ้ลมุสตากีน

ดังนั้น สะพานซีรอตุ้ลมุสตะกีน คือ หนทางที่เชื่อมั่นที่จะไปถึงสวรรค์อย่าง

แน่นอน

 

 

แล้วเราจะปฏิเสธหนทางนี้ได้อย่างไร ?

 

 

25

2.   ท่านรอซูลุ้ลเราะห์ ทรงช่วยให้เราโดยมาถึงเราและโอบอุ้มเราไว้ให้ปลอดภัย ในหนทางแห่งซีรอตุ้ลมุสตากีน

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

อัลเลาะฮ์(ซ.บ)ผู้ซึ่งเราไม่สามารถสัมผัสได้ทรงยื่นพระหัตถ์ที่เราสามารถวางใจได้มาให้แก่เราและเราสามารถมีประสพได้ในโลกนี้ สันติสุขของพระองค์ และทางแห่งความเที่ยงตรงของอีซา(อ.ฮ) ได้เข้ามายังโลกอย่างอัศจรรย์ในรูปของมนุษย์

            ไม่มีการบังคับในศาสนา อันที่จริงความถูกต้องย่อม(จำแนกตัวเองอย่าง)แจ่มชัดจากความงมงาย ดังนั้นผู้ใดเนรคุณต่อมารร้าย และมีศรัทต่ออัลเลาะฮ์ แน่นอนเขาได้ยึดมั่นไว้กับห่วงอันมั่นคง ซึ่งมันจำม่มีการขาดอีกแล้วและอัลเลาะฮ์ ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

                                                            (บทที่ 2 อัล-บากอเราะห์ อายะห์ที่ 256)

 

26

ชื่อของอายัรกรุซี ซึ่งเป็นดุอาที่ดีที่สุด เมื่อเราดูไปที่อายะห์ที่ 253 เรามี

ความปลอดภัยเมื่อเราเชื่อในวาฮีที่มาจากนบีอีซาและศาสนาฑูต

 

l             ดังนั้น ความปลอดภัย มาจากอัลเลาะฮ์ องค์เดียวเท่านั้น

นบีอีซาปลอดจากความสกปรกจากความไม่บริสุทธิ์ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์

                        ของอัลเลาะฮ์มีพระองค์เดียวที่มีความสามารถ เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงให้

                        ความสงสารและความกรุณาเสมอ

 

l             เขาเป็นบุคคลที่ไว้ใจเพราะเขาไปทำฮัจย์

บุคคลที่มีสัจจะยิ่งใหญ่

                        ในโลกที่หลอกลวง

 

            l            ความปลอดภัยที่ไม่มีวันแตกดับเพราะทำอามารอีมาดะห์มาก

                        และความบริสุทธิ์ที่ได้รับและความรู้สึกในโลกนี้

 

 

                                                                        บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรเราะห์ฮีม

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

 

และศานติไม่มีแก่ฉันวันที่ฉันถูกคลอดและวันที่ฉันตายและวันที่

ฉันถูกฟื้นให้มีชีวิตขึ้น

                                                                        (บทที่ 19 มัรยัม อายะห์ที่ 33)

 

27

 

ให้ความไว้วางใจแค่ไหนจึงจะเข้าใจโดยไม่เปลี่ยนแปลง

 

เมื่อประสพกับการเกิด (ชีวิต) และความตาย เราสามารถจะได้รับความ

สงบตลอดไปถ้าเราเชื่อความสามารถอันมหัศจรรย์ของอัลเลาะฮ์ตาอาลาตั้งแต่เกิด (ชีวิต) จนถึงความตาย

                                                                        บิสมิลลาฮิรเราะหืมานิรเราะห์ฮีม

 

ในพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา

 

            ในซูเราะห์ อาลิ-อิมรอน อายะห์ที่ 55 อัลเลาะฮ์ ในวันที่ถูกตัดสินโทษจะถูกจำไป ไว้ข้างหลังอีซา อัลเลาะฮ์ทำให้คำกล่าวกระจ่างขึ้น และนั่นคือการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ ใคร

ที่เชื่อถือและศรัทธาในกรุอ่านของนบีอีซา อินชาอัลเลาะฮ์ อัลเลาะฮ์ จะทรงตอบแทนอัน

ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้แก่เราและนบีอีซาก็จะนำเราไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมท่าน อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ !!

 

ท่านศาสดามุฮัดมัด อัลมุสตอฟาไม่ต้องการพึ่งพาอาศัยผู้ใดและความ

ปลอดภัยอันยาวนานของท่านรอซู้ล เมื่อท่านได้จากโลกนี้ไป เราจะต้องขอดุอา เท่าใดถึงจะได้ไปสู่ทางที่ท่านไปเพื่อความศรัทธา

            *อัลฮัมดุลิ้ลละห์ (โอ้อัลเลาะฮ์)

*อัซตฟฟิรุลเลาะห์

ฉันปฏิเสธหนทางที่จะช่วยชีวิตตัวเองและความ

รับผิดชอบในการทำกรุบ่าน (ที่ท่านนบีอีซาทำ) เพื่อวันกิยาะห์ที่ถูกต้อง

            *ความเชื่อที่จะได้จากท่านรอซู้ล

28

 

ความสามารถหรือความรู้ของท่านรอซูลได้สำแดงให้เราเห็นตัวอย่างที่ดี

ที่ให้กับเราทำให้เรา ท่านเป็นผู้ขอให้ผู้สนิทช่วยท่านให้กลับสู่อัลเลาะฮ์ ดังนั้นเราควรที่จะกระทำตาม แล้วเราได้ขอให้ผู้สนิทได้ช่วยเราให้กลับสู่อัลเลาะฮ์หรือไม่?

 

 

ขออัลเลาะฮ์ทรงคุ้มครองเราและขอให้เรามีอีหม่าม เพื่อที่จะมี

ความสามารถผ่านถนนสายซูรอตุ้ลมุสตะกีน

 

วาเราะห์มาตุ้ลลอฮ์ฮิวาบารอกาตุ้ล

 

 

 

 

 

 

329 ลาดพร้าว ซอย 130

ถนนลาดพร้าว คลองจั่น

บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

 

 

 

 

 

 

29